2.3 พุทธมหายานะศรีวิชัยยะ
[2.2 อนุทวีป past -Reality5 event ]
อวตารที่ 4 การเกิดสงครามในอนุทวีป ส่งผลการยพยพ ของชนกลุ่มใหม่ระรอกที่มาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิ สงครามกอบกู้ดินแดนเกษียรสมุทร พระกฤษณะ และการกลับชาติเกิด เจ้าชายสิทธัตถะ นำสู่ การเจริญพุทธศาสนาใน สุวรรณภูมิกำเนิด อาณาจักรศรีวิชัยยะ
2.3 A
Krishna Avatar
ในช่วงเวลาแรกเริ่ม ในดินแดนตามวัฒนธรรม โซเมีย ในสุวรรณทวีปและดินแดนคาบสมุทรสุวรรณภพ ศูนย์กลางความเจริญกระจายตามเมืองท่าการค้าที่เชื่อมต่อทางบกและทางชายฝั่งทะเล ด้านตะวันตกสุวรรณทวีปศูนย์กลางแถบลุ่มน้ำท่าจีน เจริญเป็นแคว้นอู่ทองหรือกิมหลินหรือจินหลิน ด้านดินแดนแถบลุ่มน้ำโขงตอนกลาง น้ำชี และมูน เจริญเป็น อาณาจักรสุวรรณโคมคำ อ้ายลาวและศรีโครตปุระ ส่วนดินแดนแถบลุ่มน้ำโขงตอนล่างคือโตนเลสาปและปากแม่น้ำโขง เจริญเป็นแคว้นคามลังกากับแคว้นจุลนี และดินแดนคาบสมุทรแถบลุ่มน้ำตาปีและปากอ่าวโพธินารายณ์ เจริญเป็นแคว้นชวาทวีปและแคว้นเทียน รวมเรียกว่าอาณาจักรลังกาสุกะ และทุกอาณาจักรอยู่ร่วมกันแบบสหราชอาณาจักร ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นนครรัฐศูนย์การบริหารเครือข่ายสหราชอาณาจักร รวมเรียกว่า สหราชอาณาจักรเทียน หรืออาณาจักรแห่งแถน ที่ผสานการอวตารแห่งพระกฤษณะ แห่งคติพราหมณ์
กาลต่อมา ดินแดนเกษียรสมุทร ได้มีคลื่นผู้อพยพจากอนุทวีปหรืออนุภูมิ ได้แก่ ชาวทมิฬ โจฬะ กลิงค์ และอาแจะ กลุ่มชนเหล่านี้ได้ผสมผสานชาวพื้นเมืองแขกดำ ยึดครองพื้นที่ดินแดนเกษียรสมุทร รวมกับชุุมชนชาวพื้นเมือง จนกระทั่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ในยุคสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มหาราชาแห่งอนุภูมิ ได้ทำสงครามขยายอาณาจักรทำให้พวกกลุ่มนับถือฮินดู ได้แก่ ชาวทมิฬ โจฬะอพยพมาเพิ่มสร้างความเข้มแข็งให้กลุ่มกบฎแดนเษียณสมุทร และในช่วงเวลาดังกล่าว อาณาจักรเจ็กจีน ซึ่งมีความเจริญ ในบูรพาทวีปหรือภพตะวันออก ต้องการลดอำนาจสหราชอาณาจักรเทียน จึงสนับสนุนกลุ่มกบฎดินแดนเกษียณสมุทร จนสามารถตั้งอาณาจักรโจฬะ ณเกาะ สุมาตรา อาณาจักรอาแจะ ณ เกาะชบา และอาณาจักรกลิงค์ ณ ดินแดนชายฝั่งทะเลตะวันตก อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งพระเจ้า อโศกมหาราช ได้เผยแพร่ขยายพระพุทธศาสนาสู่สุวรรณภูมิ แม้ว่า ยุคนี้พระพทธศาสนาจะยังไม่ฝังลึกในจิตชาวอ้ายไตลาว และชาวคาบสมุทรสุวรรณภพ แต่ก็ส่ง อิทธืพลในกลุ่มผู้ปกครองนครรัฐสู่การเปลี่ยนแปลงด้านการปกครองแบบมหาราชา และอิทธิพลการค้าขายทางทะเลที่มีการเดินเรือ สินค้าตามแนวชายฝั่งส่งผลให้ อาณาจักรในสุวรรรณภูมิเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ... โดยอาณาจักรเทียน ได้มีการเปลี่ยนแปลง มีการ ผสมผสาน ความเชื่อผี พราหมณ์ และพุทธมหายาน มีความเจริญทั้งทางเศรษฐกิจ การค้าทางทะเลที่เชื่อมโยงกับผืนดินสุวรรณประเทศคือ อาณาจักรอิศานปุระ อาณาจักรสุวรรณโคมคำ อาณาจักรศรีโคตรบูร และอาณาจักรอ้ายลาว มีพัฒนาการเมืองการปกครองนำสู่การเป็นสหราชอาณาจักร เจริญสืบต่อมา จนกระทั่งมีความเจริญสูงสุดแห่งยุคคือ สหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ...ที่มีขุนเทียน หรือท้าวพันตา เป็นมหาราชา
2.3 B
King Asoke of Anuphob
กษัตริย์อโศกหรือที่เรียกว่าจักรพรรดิอโศก เป็นจักรพรรดิอนุภพโบราณแห่งราชวงศ์เมารยาซึ่งปกครองตั้งแต่ พ.ศ. 276 ถึง พ.ศ. 301 ท่านเป็นที่รู้จักจากการพิชิตทางทหารและการเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธในที่สุด ซึ่งนําไปสู่ความพยายามของเขาในการส่งเสริมหลักการและคําสอนทางพุทธศาสนาทั่วทั้งอาณาจักรของพระองค์ ในขั้นต้น จักรพรรดิอโศก ขึ้นสู่อํานาจผ่านสงครามกลางเมืองที่โหดร้าย ซึ่งกล่าวกันว่าคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 100,000 คน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้เห็นความหายนะที่เกิดจากสงคราม ท่านก็สํานึกผิดและหันไปหาพระพุทธศาสนาเพื่อแสวงหาความสงบภายในและส่งเสริมความสามัคคีทางสังคม การเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธของพระเจ้าอโศกมหาราชทําให้พระองค์ นํานโยบายไม่ใช้ความรุนแรงมาใช้และส่งเสริมค่านิยมทางสังคมและศีลธรรม เช่น ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความอดทนอดกลั้น ยุคของพระองค์ได้สร้างระบอบการปกครองแบบธรรมราชา ที่มีเสาสัญลักษณ์แห่งอาณาจักร คู่กับ เสาธรรมจักรแห่งพุทธรรม พระเจ้าอโศกมหาราช ได้ส่งเสริมพระพุทธศาสนานําไปสู่การแพร่กระจายของคําสอนและการปฏิบัติทางพุทธศาสนาทั่วอนุภพและที่อื่นๆ รวมถึงอาณาจักรสุวรรณภพ ที่การปกครองภายใต้ธรรมราชา เริ่มรับพุทธอารยะเข้ากับ ธรรมราชา พ่อใหญ่และนครรัฐเครือญาติ เป็น พระธรรมราชาธิราช ที่เป็นใหญ่ฝ่ายอาณาจักร และฝ่ายธรรมจักร ที่มีพระสงฆ์แห่งพุทธ ผสานกับพราหมณ์ รวมเป็น สหราชอาณาจักรรูปแบบใหม่กระทั่งวิว้ฒน์ สู่ อาณาจักรศรีวิชัยยะ แห่งคาบสมุทรสุวรรณภพ
2.3 C
Buddhism missionaries from Anuphob to Suvannaphob
กษัตริย์อโศกเป็นสาวกพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า และทรงส่งพระธรรมทูตไปยังภูมิภาคใกล้เคียงเพื่อเผยแพร่คําสอนและหลักการทางพุทธศาสนา พระธรรมทูตเหล่านี้สร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่น และเมื่อเวลาผ่านไป พระพุทธศาสนาก็เริ่มหยั่งรากลึกในทั่วทั้งสุวรรณภพ ควบคู่กับ พราหมณ์และฮินดู
นอกจากความพยายามของกษัตริย์อโศกและทูตแล้ว การแพร่กระจายของพระพุทธศาสนาสู่สุวรรณภพโบราณยัง มากับการเพิ่มขึ้นของการค้าทางทะเลและการพาณิชย์ในภูมิภาค พ่อค้าชาวพุทธและนักเดินทางจากอนุภพและส่วนอื่นๆ ขออนุภพได้นําแนวคิดและการปฏิบัติทางพุทธศาสนาติดตัวไปด้วยขณะเดินทางและค้าขายทั่วทั้งภูมิภาค ผู้ปกครองท้องถิ่นในสุวรรณภพใต้ยังมีบทบาทสําคัญในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาในภูมิภาค พวกเขาสร้างวัดและอนุสรณ์สถานทางพุทธศาสนาหลายแห่ง และสนับสนุนการจัดตั้งวัดอาราม องค์ธรรมเศรษฐุ เป็นสาวกพระพุทธศาสนาและมีบทบาทอย่างแข็งขันในการส่งเสริมคําสอนและการปฏิบัติในดินแดนสุวรรณภพใต้
ในยุคภายหลังจากการยุคเริ่มแรกธรรมทูตแห่งพระเจ้าอโศกมหาราช ที่มีความเจริญมากยุคหนึ่ง นั่นคือ อาณาจักรศรีวิชัย ราชอาณาจักรที่เป็นศูนย์กลางการค้าและการพาณิชย์ที่สําคัญ และมีบทบาทสําคัญที่เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาแบบมหายาน และมีการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังทั่วทั้งสุวรรณภพ ต่อไปนี้คือพระปรมาจารย์ทางพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงสองสามคนที่มีบทบาทสําคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังราชอาณาจักรศรีวิชัยยะ
Padmasambhava เป็นปรมาจารย์ทางพุทธศาสนาที่เชื่อกันว่าอาศัยอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 12 เขาให้เครดิตกับการนําคําสอนของศาสนาพุทธวัชรยานมาสู่ทิเบต และอิทธิพลของเขาก็แผ่ขยายไปทั่วภูมิภาค เชื่อกันว่า Padmasambhava ยังเดินทางไปยังเกาะสุมาตราซึ่งเขาช่วยสร้างประเพณีสงฆ์ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ "ประเพณีนาลันดา"
Atisha เป็นพระภิกษุและนักวิชาการจากอินเดียที่อาศัยอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 15 เขาเดินทางไปยังสุมาตราซึ่งตอนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรศรีวิชัยเพื่อสอนหลักการและการปฏิบัติทางพุทธศาสนาแก่ประชากรในท้องถิ่น เขาให้เครดิตกับการช่วยสร้างแนวทางพระพุทธศาสนาในภูมิภาคที่เป็นระเบียบและเป็นระบบมากขึ้น
พระภิกษุจีน มีบทบาทสําคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังดินแดนสุวรรณภพใต้พวกเขาเดินทางไปยังอนุภพ เพื่อศึกษาคําสอนทางพุทธศาสนาและขณะเดินทางได้พักแรมหลบลมมรสุม ณ ดินแดน สุวรรณภพใต้ และได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชนท้องถิ่น อี้จิง พระสงฆ์ชาวจีนที่มีชื่อเสียง และบันทึกเรื่องราวต่างๆโดยละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางของพวกเขา ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับการแพร่กระจายของพระพุทธศาสนาในสุวรรณภพใต้
พระปรมาจารย์เหล่านี้และคนอื่นๆ เช่นพวกเขาช่วยสร้างพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาหลัก ผสานกับศาสนาพราหมณ์ฮินดู เดิมในดินแดนอาณาจักรโบราณแห่งคาบสมุทรสุวรรณภพ และความพยายามของพวกเขาได้สร้างผลกระทบที่ยั่งยืนต่อประเพณีทางวัฒนธรรมและศาสนาของภูมิภาคนี้ พวกเขาเดินทางไกล เอาชนะอุปสรรคทางภาษาและวัฒนธรรม และทํางานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อส่งเสริมคําสอนและการปฏิบัติทางพุทธศาสนา เมื่อเวลาผ่านไป พระพุทธศาสนากลายเป็นอิทธิพลทางวัฒนธรรมและศาสนาที่สําคัญในสุวรรณภพ แนวคิดและการปฏิบัติทางพุทธศาสนาถูกรวมเข้ากับประเพณีและระบบความเชื่อในท้องถิ่น และมีการสร้างอนุสรณ์สถานและวัดทางพุทธศาสนาที่เป็นเอกลักษณ์แบบพุทธมหายาน มากมายทั่วทั้งภูมิภาค
2.3 D
Krish move to Suvanaphob
กฤษณะเป็นเทพองค์สําคัญในศาสนาฮินดู และตํานานของเขามีบทบาทสําคัญในการแพร่กระจายของศาสนาฮินดูไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องราวของชีวิตของกฤษณะเต็มไปด้วยตัวละครที่มีสีสัน การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ และข้อมูลเชิงลึกทางปรัชญาที่ลึกซึ้ง
ตามตํานานของชาวฮินดู กฤษณะเกิดที่เมืองมธุรา แห่งอนุภพ ในสหัสวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราช เขาเป็นอวตารองค์ที่แปดของพระวิษณุ ส่งไปยังโลกเพื่อเอาชนะความชั่วร้ายและคืนความสมดุลให้กับจักรวาล กฤษณะยังมีบทบาทสําคัญในมหากาพย์มหาภารตะ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองอาณาจักรคู่แข่ง กฤษณะทําหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ยและที่ปรึกษานักรบ โดยสอนบทเรียนสําคัญเกี่ยวกับหน้าที่ เกียรติยศ และธรรมชาติของความเป็นจริง
บรรพบุรุษ ของ Krish (กฤษ) เป็นวรรณะพ่อค้าชาวอนุภพ ที่ค้าขายทางทะเลชายฝั่งจากอนุภพตอนใต้สู่สุวรรณภพ และปักหลักปักฐาน ณ คาบสมุทรแหลมทอง เขาเชื่อมั่นใน อานุภาพแห่งพระกฤษณะ จึงตั้งชื่อบุตรชาย Krish (กฤษ) และเป็นธรรมเนียมแห่งตระกูล ที่จะตั้งชื่อ บุตรชายคนแรกว่า Krish (กฤษ) และสืบทอดกิจการค้าทางทะเล จนรุ่น พ่อของ Krish (กฤษ) ในยุคปัจจุบัน ได้ขยายการค้าเจริญเป็นบริษัทเรือเดินทะเลข้ามชาติแห่งสุวรรณภพใต้และอนุภพใต้
ชีวิตของ Krish (กฤษ) เมื่อตอนเป็นเด็กสอดคล้องกับพระกฤษณะอย่างน่าอัศจรรย์มากมาย Krish (กฤษ) มีพลังกายที่มากกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน แม้ไม่มีพลังเทียบการยกภูเขาขึ้นบนนิ้วของพระกฤษณะ และ เมื่อตอนเป็นชายหนุ่ม เขาตกหลุมรักสาวสวยชื่อ Radha ที่อนุภพ เช่นเดียวกับพระกฤษณะ แต่แตกต่างที่ความรักของพวกเขาเป็นรักที่ไม่สมหวัง ดังนั้นเขาจึงขอมาใช้ชีวิตอิสระที่ สุวรรณภพใต้ และปฏิเสธการเป็นตํานานของกฤษณะและสมัครเข้าแข่งขันเกมส์ Tiphumi Simulator 'The Nexus one' season นี้
2.3 E
First wave of revolution was establish Lankasuka
Lunkasuka เป็นอาณาจักรโบราณที่มีอยู่ในดินแดนคาบสมุทรสุวรรณภพ และไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับต้นกําเนิดหรือประวัติศาสตร์ยุคแรกๆ อย่างไรก็ตาม มีตํานานและตํานานหลายเรื่องที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษที่ผ่านมาซึ่งให้ความกระจ่างเกี่ยวกับต้นกําเนิดในตํานานของราชอาณาจักร
ตํานานหนึ่งเล่าถึงกษัตริย์ผู้ทรงอํานาจชื่อมหาธรรมผู้ปกครองอาณาจักรอันกว้างใหญ่ทางตอนใต้ของอนุภพ มหาธรรมเป็นผู้ปกครองที่ฉลาดและยุติธรรม และอาณาจักรของเขาเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข อยู่มาวันหนึ่ง ขณะออกล่า มหาธรรมได้พบกับกลุ่มชาวประมงที่กําลังดิ้นรนเพื่อจับปลาในแม่น้ําใกล้เคียง ด้วยชะตากรรมของพวกเขา มหาธรรมใช้พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของเขาเพื่อเรียกปลายักษ์ซึ่งเขานําเสนอต่อชาวประมงเป็นของขวัญ ด้วยความกตัญญูกตเวที ชาวประมงให้คํามั่นว่าจะจงรักภักดีต่อมหาธรรม และทรงแต่งตั้งผู้นําของพวกเขา คือ เจ้าชายเทียนเสน เป็นผู้ปกครองอาณาจักรใหม่ที่พระองค์ตั้งชื่อว่า ลุนกสุกะ จากนั้นมหาธรรมก็อวยพรอาณาจักรใหม่ โดยสัญญาว่าจะเจริญรุ่งเรืองและมีอํานาจสําหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป
อีกตํานานเล่าถึงเจ้าหญิงชื่อศรีสุลาลัยซึ่งเกิดในครอบครัวที่ร่ํารวยทางตอนใต้ของอินเดีย ศรีสุลาลัยมีชื่อเสียงในด้านความงามและสติปัญญาของเธอ และเธอได้รับการเคารพนับถือในฐานะเทพธิดาจากผู้คนในบ้านเกิดของเธอ อยู่มาวันหนึ่ง Sri Sulalai ออกเดินทางเพื่อค้นหาดินแดนใหม่ที่เธอสามารถสร้างอาณาจักรของเธอเองได้ เธอแล่นเรือข้ามมหาสมุทรอินเดีย ผ่านช่องแคบมะละกา และในที่สุดก็มาถึงทางใต้สุดของสุวรรณภพ ที่นั่น เธอก่อตั้งอาณาจักรใหม่ ซึ่งเธอตั้งชื่อว่า Lunkasuka ตามบ้านเกิดของบรรพบุรุษของเธอ ภายใต้การปกครองที่ฉลาดและยุติธรรมของเธอ อาณาจักรก็เจริญรุ่งเรือง และศรีสุลาลัยก็กลายเป็นบุคคลสําคัญที่เคารพนับถือในตํานานและคติชนวิทยาไทย แม้ว่าตํานานเหล่านี้อาจเป็นเพียงตํานาน แต่ก็ให้ภาพรวมที่น่าสนใจเกี่ยวกับต้นกําเนิดในตํานานของ Lunkasuka และมรดกทางวัฒนธรรมและศาสนาของสุวรรณภพ
ข้อมูลหลายแหล่งประมวลได้ว่า เรื่องราว สหราชอาณาจักรคีรีรัฐแห่งสุวรรณภพใต้นั้นเดิมเป็นพุทธราชอาณาจักรแบบพระเจ้าอโศกมหาราช ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างนครรัฐแบบเครือญาติแต่บางนครรัฐ มีการนับถือคติพราหมณ์ ฮินดู หรือฝ่ายพุทธก็แยกเป็นเถรวาทแถบนครรัฐกิมหลิน ส่วนนครรัฐคีรีรัฐนับถือฝ่ายพุทธมหายาน อย่างไรก็ตามสหราชอาณาจักรคีรีรัฐแห่งสุวรรณภพ เริ่มสั่นคลอนจากภายในที่เริ่มจาก กลุ่มพราหมณ์และพ่อค้าเริ่มแทรกแซงราชสำนักโดยมีการสร้างสัมพันธ์แบบไกล้ชิดโดยการยกลูกหลานให้แต่งงานกับมหาราชา หรือราชานครรัฐ ต่างๆ จนเกิดความแตกแยกในกลุ่มแว่นแคว้นนครรัฐในอาณาจักร และในสหราชอาณาจักรก็เริ่มแตกกันเป็นสายราชวงค์ต่างๆตาม บรรดามเหสีขององค์มหาราชาขุนเทียน คือราชวงศ์ ไศเรนทร์วงศ์ ราชวงศ์อู่ทองหรือกิมหลิน ราชวงศ์หยางโคตมะ ราชวงศ์โคตมะ ราชวงศ์ขุนหลวงจิวใหญ่ และราชวงศ์เทียนเสน จากเดิมสืบอำนาจการปกครองตามโบราณราชประเพณี เกิดการแย่งชิงอำนาจภายในราชสำนัก หลังรัชสมัยขุนเทียนเกิดศึกภายในแบ่งแยกเป็น ๔ กลุ่มคือท้าวพันวัง ท้าวพันจัน(สายโคตมะและโจฬะบก) ท้าวเสนะราช(เทียนเสนสายอ้ายไตลาว)และท้าวจิตเสน(สายกลิงค์โจฬะ หรืออิศานปุระ) ต่อมาท้าวพันวังสมคบกับอาณาจักรเจ็กแห่งภพบูรพา(ยุคซุนกวน ก็กอู๋) ก่อกบฎ ท้าวพันวังแพ้ต้องหนีไปอยู่กับพวกโจฬะน้ำ ได้ร่วมมือกับพวกโจฬะน้ำก่อสงครามกับคีรีรัฐ ครั้งนี้อาณาเทียนเสนพ่ายแพ้ จนกระทั่งในที่สุดสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ แตกเป็น อาณาจักรฟูนันหรือพนม และเทียนเสนหรือลังกาสุกะและกิมหลินหรืออู่ทองแห่งคีรีรัฐ
ส่วนสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ มีอาณาจักรเทียนเสนหรือลังกาสุกะ มีสายราชวงศ์เทียนเสนเป็นใหญ่ นับถือพรามณ์ฮินดู และผสานพุทธมหายาน เชื่อมโยงอิทธิพลการค้าภาค แผ่นดินสุวรรณภูมิตะวันตก กับอาณาจักรอิสานปุระ (ที่เป็นราชวงศ์ไตลาวผสมกลิงค์เรียกว่ามอญ) ทางตะวันออกเฉียงเหนือหรือลุ่มน้ำชี น้ำมูล และทางเหนือกับหริภุญชัย ของ ชนชาติมอญ ส่วนชวาทวีป หรือชัยยา เป็นสายเลือดผสมสายอนุภพ นับถือพราหมณ์ฮินดูโบราณและผสานพุทธมหายาน ที่มีอิทธิพลการค้าทางทะเลชายฝั่ง ที่มีจุดสำคัญที่ดินแดนคาบสมุทรแหลมทอง คือแคว้นโพธิ์สุทธิหรือคันธุลี ส่วนดินแดนแผ่นดินสุวรรณภูมิตะวันออกเป็น อาณาจักรฟูนันหรือคามลังกา คือแคว้นคามลังกาและแคว้นโพธิหลวง มีราชวงศ์สายโคตมะเป็นใหญ่ มีศูนย์กลางที่ คามลังกา นับถีอศาสนาพราหมณ์ ฮินดู เป็นหลักดังเดิม ไม่ยอมรับ พุทธมหายาน
ภายหลังที่คีรีรัฐแตก เป็น๒อาณาจักรดังกล่าวได้เกิดสงคราม พันทีมัน ระหว่างท้าวเสนะราชหรือเทียนเสนกับท้าวพันทีมัน จนในที่สุดฟูนันแตกเป็นสายกลุ่ม โจฬะบก กับโจฬะน้ำ ทำให้อ่อนแอลง เป็นช่วงเวลาเดียวกับเจ้าเสนเชน สายไตลาว เข้มแข็งขึ้น ได้ร่วมมือกับพันธมิตรสายไตลาว ก่อสงครามกับราชวงศ์สายโจฬะบก ยึดโจฬะบกรวมเป็นอาณาจักรโพธิกลาง และย้ายแคว้นคีรีรัฐเดิมมาตั้งเป็นอาณาจักรโพธิสุทธิแทนที่ แคว้นชวาทวีป หรือชัยยา ที่ปากอ่าวบ้านดอนเป็นพันธมิตรกับสหราชอาณาจักรคีรีรัฐ ส่วนพวกโจฬะน้ำล่าถอยไปร่วมกับกลุ่มทมืฬ โจฬะ ในดินแดนเกาะเกษียณสมุทร
ต่อมาท้าวพันศรีเทพแห่งราชวงศ์สายโจฬะบกสมคบกับ เจ็กจีน และโจฬะน้ำ ก่อสงครามยึดคืนพื้นที่เดิมของโจฬะบกได้ สำเร็จและเปลี่ยนเป็นอาณาจักรแห่งคามลังกาหรือจันทราใต้ ตั้งเมืองหลวงจากเมืองหริหรวย นับถือคติ พราหมณ์ฮินดู ที่ครองอำนาจเหนืออาณาจักรอื่นๆในดินแดน สุวรรณภพ สหราชอาณาจักรคีรีรัฐ คงเหลือเฉพาะ อาณาจักรโพธิสุทธิ นับถือ พุทธคติ สายมหายาน ผสมพราหมณ์ และอาณาจักรเทียนเสนหรือลังกาสุกะ ที่เป็นอาณาจักรในส่วนดินแดนแหลมทอง นับถือคติ พราหมณ์ ฮินดู ผสานพุทธมหายาน โดย ยังคงสัมพันธภาพระหว่าง เครือญาติแบบสหราชอาณาจักร และวิวัฒน์ สู่การเป็นธรรมราชาอาณาจักร ยกเว้น อาณาจักรจันทราใต้ หรือคามลังกา ที่เชื่อมั่น คติพราหมณ์ ฮินดู สถาปนาไปสู่ความเป็น จักรวรรดิ์ และเทวราชา ในยุคต่อมา
2.3 F
Second wave of revolution was established Srivijaya Kingdom
ต่อมาท้าวจิตเสนแห่งแคว้นเศรษฐปุระในอาณาจักรอิสานปุระเปิดศึกภายใน ณ คามลังกาจนเกิด แผ่ขยายอำนาจแถบลุ่มน้ำมูล ได้รวมกันเป็นอาณาจักรจันทราเหนือ ส่วนพยากงสายเลือดผสมกลิงค์อ้ายไตลาวหรือมอญร่วมก่อตั้งอาณาจักรทวายของชนชาติกลิงค์ มอญและขยายอาณาเขตเข้ามาดิน แดนด้านตะวันตกของสุวรรณทวีป สามารถยึดแคว้นอู่ทองหรือกิมหลินแห่งคีรีรัฐ และได้ร่วมกับอาณาจักรหริภุญชัย ทางเหนือและผนวกแคว้นละโว้ จัดตั้งสหราชอาณาจักรทวาราวดี มีศูนย์กลางที่นครพระธม หรือลุ่มน้ำท่าจีนแม่กลอง ที่เชื่อมโยงการค้าทางทะเลและทางบกสุวรรณภพ ไว้ได้
ต่อมา สหราชอาณาจักรทวาราวดี ได้ถูกตีโต้กลับจากอาณาจักรโพธิสุทธิ ในสงครามสมรภูมิ๗ตอแหล และสามารถยึดคืนแคว้นกิมหลินแห่งอาณาจักรคีรีรัฐ จับพยากงได้โดยพายกงสัญญาไม่ก่อสงคราม ยายหอมแม่นมของบุตรพยากงคือพยาพาน ได้ถวายพยาพานให้ท้าวอุเทนแห่งเทียนสน ไปเลี้ยงดูที่แคว้นเทียนสน พยาพานได้รับการศึกษาที่มหาวิทยาลัยโพธินารายณ์ แล้วกลับมาปกครองแคว้นเคียนซา ต่อมาพระยากงแห่งอาณาจักรทวาย ผิดสัญญาร่วมมืออาณาจักรสายมอญคืออิศานปุระและหริภุญชัย ก่อสงครามอีกครั้งเป็นสงครามพยากง-พยาพาน๑๒ ครั้ง สุดท้ายพยากงถูกฆ่าตายในสงคราม อาณาจักรทวารวดีล่มสลาย กลุ่มราชวงศ์สายมอญย้ายศูนย์กลางจากนครพระธมไปแคว้นละโว้ ที่รวมเข้ากับอิศานปุระ คามลังกา โพธิหลวงและอาณาจักรอื่นๆในเขตสุวรณภูมิตะวันออก รวมเป็นสหราชอาณาจักรจันทรา ส่วนทวาราวดีหรือนครพระธมยุบรวมกับแคว้นกิมหลินสายราชวงศ์ชาวไตลาว และกลุ่มเสียมกุกที่อพยพจากเชียงทองแห่งลุ่มน้ำโขง มีศูนย์กลางที่แคว้นราชคฤห์ รวมเป็นอาณาจักรอู่ทองหรือเสียม ต่อมาได้พัฒนาสู่การเป็นอาณาจักรสุวรรณภูมิหรือสุพรรณภูมิ ภายใต้การเป็นสหพันธรัฐกับอาณาจักรจันทรา ส่วนอาณาจักรสุวรรณโคมคำถูกอาณาจักรจันทรา บุกรุกทำลาย บางส่วนอพยพไปรวมกับอาณาจักรยวนโยนกเชียงแสน ต่อมาอาณาจักรยวนโยนกเชียงแสนล่มสลายจากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหว ขณะที่อาณาจักรศรีโคตรบูระ ตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรจันทรา และค่อยถูกรวมกับอาณาจักรอิศานปุระเดิมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองหนองหานหลวง และอาณาจักรอ้ายลาวรวมเข้ากับแคว้นจันทบุรีหรือเวียงจันทน์ ภายใต้การเป็นสหพันธรัฐกับอาณาจักรจันทรา
และในส่วนอาณาจักรโพธิสุทธิ มีความเจริญทางการค้าทางทะเลและทัพเรือเทียบเท่าพวกจามได้เปลี่ยนสู่ยุคสมัยอาณาจักรศรีโพธิ์ ขณะที่ลังกาสุกะหรือเทียนเสน ล่มสลายจากธรรมชาตืที่เปลี่ยนแปลงแผ่นดินงอกเพิ่มจนสูญเสียความเป็นเมืองท่า เกิดเมืองท่าใหม่ ที่ ตามพรลิงค์ ตะโกลา และปาตานีได้ก่อตัวขึ้นภายใต้อาณาจักรศรีโพธิ์ ซึ่งยุคนี้แต่ละอาณาจักรต่างเป็นอิสระต่อกัน ไม่ใช่สหราชอาณาจักรคืรืรัฐอืกต่อไป ดังนั้นจึงถูกแทรกแซงจากอาณาจักรภพบูรพาหรือ เจ็กจีน ส่งเสริม อาณาจักรโจฬะ ณ เกาะสุมาตรา อาณาจักรอาแจะ ณ เกาะชบา และอาณาจักรกลิงค์ ณ ดินแดนชายฝั่งทะเลตะวันตก รวมกันเข้าตีอาณาจักรศรีโพธิ์ แล้วสถาปนาสหราชอาณาจักรศรีวิชัยยะ ขึ้น มีศูนย์กลางที่เมืองปาเลมปัง นับถือพุทธศาสนามหายาน ที่นับว่ามีความเจริญเป็นศูนย์การศึกษาพุทธมหายาน ในยุคนั้น