3.1กลียุคแห่งอนาคตไตรภูมิ
[3.1 ตะวันตก Future -Reality8 event]
โลกแห่งภพตะวันตกเกิดกลียุค จากการปฏิวัติ เจริญเทคโนโลยีสูงสุด แต่ความเป็นมนุษย์สูญไป พร้อมกับ โลกแห่งสุวรรณภพ อนุภพ และภพตะวันออกหายไป ภพตะวันตก แบ่งเป็นโลกบนฟ้า สำหรับผู้ปกครองและเมืองบาดาลสำหรับพลเมือง กลุ่มเซลล์ดั้งเดิม จึงร่วมมือกัน กอบกู้อนาคต และค้นหาเซลล์ต้นกำเนิดและศาสดาองค์ใหม่ ตามความเชื่อคำทำนายแห่งผู้สร้าง
3.1 A
Elite Genera reign Elitherium of the West world and rule all earth worlds
ในห้วงอนาคตกาลมนุษยชาติได้แบ่งเป็นสองชนชั้นที่แตกต่างกัน Genera ชนชั้นสูงและ Generoid ชนชั้นใต้ปกครอง Genera อาศัยอยู่ในเมืองลอยฟ้าอันกว้างใหญ่ที่เรียกว่า Eliterium ในโลกของ Eliterium ชนเผ่า Generian เป็นกลุ่มมนุษย์โคลนที่พิเศษ ซึ่งมี Bio-stack ของชีวิตทําให้พวกเขาเป็นอมตะ อย่างไรก็ตามจุดอ่อนของร่าง Bio-stack ของพวกเขาคือการไม่สามารถสืบพันธ์ตามวิถีมนุษย์ชาติดั้งเดิม พวกเขาต้องอาศัยรหัสสัญญาณใหม่จาก Boi-stack ชาว Generoid ผสมผสานกับ Bio-stack ที่ส่งผ่านจากพ่อแม่ทารกในครรภ์ โดย เมื่อถึงเวลาคลอด มารดาชาว Genera จะต้องถูกนำไปทำพิธีเชื่อมต่อ Bio-stack ที่ Generian temple ที่ควบคุมโดย Wisdom AI และ Dr Q ด้วยวงจรชีวิตเช่นนี้ ทำให้โลกียะแห่งอนาคตกาล ดำเนินต่อไป
ในขณะที่ Generoid อาศัยอยู่ในโลกใต้น้ําที่มีห้อมล้อมด้วยมลพิษและเสื่อมโทรมของโลกด้านล่าง เมืองใต้น้ำต่อเชื่อมกับอุโมงค์ใต้น้ำ ที่ลึกลับยาวไกลที่ไม่เคยมีใครรับรู้จุดสิ้นสุด เมืองใต้น้ำ ที่แยกจาก เขต Elithium โดย กระแสน้ำวนรอบเมืองใต้สมุทร ชาว Genera สามารถสร้างเทคโนโลยีชั้นสูงและครอบครองทรัพยากรที่เหลือของโลกทั้งหมด ในขณะที่ Generoid ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายและเสี่ยงภัยจากกระแสน้ำที่แปรปรวน ที่เหมือนปราการใต้น้ำกักขังชาว Generoid ไว้ในเมืองใต้สมุทร วงจรชีวิตของ Generoid นั้นมีบรรพบุรุษที่เกิดขึ้นจาก Generian temple เช่นเดียวกับ Genera แต่ Bio-stack ของ Generoid ไม่ได้ยืนยาวและร่างกายมีอายุขัยเพียง 10 ปี ไม่ได้เป็นอมตะเช่น Genera แต่ชาว Generoid ถูกออกแบบให้เจริญเติบโตรวดเร็วและสืบพันธุ์ต่อได้เอง อาหารการกินนั้น มาจาก ฟาร์มพืชน้ำและสัตว์น้ำ รอบๆเมืองใต้สมุทร ในขณะที่ ชาว Genera บริโภค อาหารจากต้นพืชแห่งอุดมสุข ที่เป็น เหมือนโรงงานผลิตสารอาหารให้ชาว Genera อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี ชาวGenera มีความต้องการใช้ Stem cell ของชาว Generoid เพื่อซ่อมแซมร่างกายและต่ออายุให้ยืนยาวรักษาความเป็นอมตะไว้ ดังนั้น เมืองใต้สมุทร จึงเป็นเสมือน ฟาร์มเพาะเลี้ยงสารพันธุกรรมที่เสริมชีวิตให้ชาว Genera นั่นเอง
ในห้วงกาลต่อมาเกิดวิกฤตในโลก Eliterium กล่าวคือประชากรที่มีร่างกายกลายพันธุ์ของ Genera เพิ่มขึ้นจํานวนที่เพิ่มขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุ สถานการณ์เลวร้ายลงอีกเมื่อภรรยาของผู้นํา Generaและลูกชายในครรภ์ของเธอ ติดเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ไม่ทราบชนิด ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว Wisdom AI แห่ง Elitherium แนะนําให้ฉีดสเต็มเซลล์ดั้งเดิมเพื่อรักษาเขาหรือเสียสละ ด้วยการพลีชีพลูกชายเขาเพื่อช่วยประชากรที่เหลือ ให้รอดจากเชื้อโรคร้าย
ผู้นํา Genera มีเวลาเพียงเจ็ดเดือนในการจับมนุษย์ดั้งเดิมหรือ Generoid ที่มีสายพันธ์มนุษย์บริสุทธิ์ดั้งเดิม ที่เกิดมาจากโลกโบราณและอยู่รอดมาได้และอาศัยในเมืองลับแลแห่งเผ่านาคา ที่ผ่านทะลุไปโดยอุโมงค์ลึกลับสู่แดนลับแลใต้น้ําซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่เดียวที่มนุษย์ดั้งเดิมสามารถอยู่รอดได้ ผู้นำแห่ง Genera ได้แต่งตั้งทีมไล่ล่าออกตามหามนุษย์ดั้งเดิม ออกสำรวจอุโมงค์ลึกลับ สู่ดินแดนแห่งนาคา เพื่อนํามนุษย์ดั้งเดิม หรือสารพันธุกรรม กลับไปที่ Eliterium
3.1 B
The Under water world of Suvannaphob Naja tribes
Generoid เป็นชนชั้นภายใต้ปกครองของ Genera ซึ่งอาศัยอยู่ในโลกใต้น้ําแม้วิถีชีวิตมีค่าเพียง คล้ายสัตว์เลี้ยงเพื่อให้ชาว Genera แห่ง Eliterium ได้ใช้ประโยชน์ ช่วยต่อชีวิต อมตะของ Genera ให้ดำเนินต่อไป แต่พวกชาว Generoid ต่างมีความหวังกับตำนานแห่งดินแดนโลกใต้น้ำนี้ ตามตำนานเล่าว่ามีชนเผ่า Suvannaphob Naja ที่สืบเชื้อสายจากมนุษย์ดั้งเดิมแต่โบราณ ที่เชื่อมโยงกับ เทพแห่งพระยานาคา (Naga God) ที่เชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ดั้งเดิมแห่งสุวรรณภพ ชนเผ่าโบราณนี้ต่างเป็นที่ต้องการทั้งฝ่าย Genera และ Generoid แต่ยังไม่เคยมีใครพบเห็นชาวนาคา แห่ง Naja นี้เลย
เป็นเวลายาวนานที่ Genera ได้ปกครองชาว Generoid ด้วยการส่งมนุษย์กําปั้นเหล็ก "Iron Fist" และกองกำลังแห่งรัฐที่เหนือกว่าทางเทคโนโลยีและอํานาจทางเศรษฐกิจของพวกเขาควบคุม Generoid ได้อย่างสงบเป็นปกติ
อย่างไรก็ตามได้มีกลุ่มชาว Generoid กลุ่มเล็ก ๆ ได้รวมตัวกันเพื่อต่อสู้เพื่ออิสรภาพและโค่นล้มการปกครองที่กดขี่ของ Genera แห่ง Eliterium กลุ่มกบฏ Generoid ได้จัดระเบียบตัวเองเป็นขบวนการต่อต้านด้วยอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นที่จะปลดปล่อยผู้คนของพวกเขาจากการกดขี่ของ Genera ผู้นําของการต่อต้านในนามชาว Generoid เป็นหญิงสาวชื่อ Aria ซึ่งมีประสบการณ์โดยตรงกับความโหดร้ายของผู้ปกครองโดยยุทธศาสตร์สำคัญของ Ariaและเพื่อนกบฏของเธอ คือสงครามกองโจร โฆษณาชวนเชื่อ คำพยากรณ์แห่ง Nexus one และก่อการร้ายในเขตพิ้นที่ทหารของ Genera และซ่องสุมกำลังสร้างความแข็งแกร่งและระดมทรัพยากรของพวกเขาเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับวันที่พวกเขาจะลุกขึ้นต่อต้านผู้กดขี่ ตามคำพยากรณ์แห่ง Nexus one ที่กลุ่มกบฏได้เผยแพร่จนเป็นที่รับรู้กันทั่วไป
3.1 C
Searching the native Stem tribe so call "Naja"
ทีมไล่ล่าได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจที่ยากลําบากเพื่อสํารวจโลกใต้น้ําและค้นหามนุษย์ดั้งเดิมที่รอดชีวิต พวกเขาค้นหาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลาหลายเดือนเพื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่อันตรายและสภาพที่เลวร้าย แต่ความพยายามที่จะนำมนุษย์สายพันธุ์ดั้งเดิมของพวกเขาล้มเหลวไร้ผลพวกเขาสูญหายไปในอุโมงค์ลึกลับแห่งโลกใต้น้ำ หมดหวังที่จะแก้ปัญหา เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์ใน Eliterium ก็เลวร้ายมากขึ้นและผู้นํารู้ว่าเขาต้องดําเนินการอย่างรวดเร็ว ผู้นําตัดสินใจส่งทีมไล่ล่าชุดใหม่ไปจับทารกแรกเกิดจากโลกใต้น้ําทุกคน ทีมประสบความสําเร็จในภารกิจของพวกเขาและทารกถูกนํากลับไปที่ Eliterium และถูกนําตัวไปที่ Generian Temple ซึ่ง Bio-stack ดั้งเดิมถูกถ่ายโอนไปยังหญิงตั้งครรภ์ในเวลาที่เหมาะสม เมื่อเด็กเติบโตขึ้นมันก็ชัดเจนว่าเขามีคุณสมบัติของมนุษย์ดั้งเดิมบางส่วน และร่างกายของพวกเขามีส่วนประกอบทางพันธุกรรมที่แตกต่างจากของ Generians เดิมๆ เหล่าเด็กเล็กรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาเพื่อเป็นสมาชิกที่เคารพนับถือของรัฐ Eliterium และพวกเขานําความหวังและความมีชีวิตชีวามาสู่รัฐที่มีปัญหาวิกฤตของร่างกายกลายพันธุ์ในหมู่ Genera ได้รับการแก้ไขในที่สุด แม้ว่าจะเป็นการซื้อเวลาของเผ่าพันธ์ ที่แลกดด้วยการเจริญเติบโตของเด็กรุ่นใหม่ การบริหารจัดการนครรัฐ ของ ผู้นำแห่งElitherium และการปรึกษาแนะนำของ Wisdom AI นครรัฐ Eliterium จึงมีเสถียรภาพและเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
ผู้คนในรัฐรู้สึกขอบคุณสําหรับความคิดที่รวดเร็วและการกระทําที่เด็ดขาดในช่วงเวลาวิกฤตของผู้นํา แต่นั่นเป็นความปกติสุขชั่วเวลาหนึ่ง เมื่อเหล่า Genera รุ่นใหม่ เติบโตกลับกลายว่า จิตวิญญาณแห่งปิศาจ Davila ได้ฝังแน่นใน Bio-stack และหนึ่งในกลุ่ม Genera รุ่นใหม่ ได้เจริญเป็นผู้นำหญิงเหล็กแห่ง Etherium คือ Queen Naja-Devila ที่ยึดอำนาจจาก บุตรแห่งผู้นำ Genera องค์ก่อน แล้วสถาปนา Neo-Genera แห่ง Elitherium การครองอำนาจของ Queen Naja-Davila จึงเป็นไปเพื่อรับใช้ราชาแห่งปิศาจ Davila ที่แผ่อำนาจเหนือ ทุก Neo-Genera และมีเป้าหมายสนับสนุน Davila ยึด Triphumi เพื่อเปลี่ยนแปลงสู่ความศิวิไลซ์ที่เน้นการเสพความสุขแห่งตนแต่ละปัจจเจกคน และเสรีภาพในการแสวงความสุขทางโลกไร้ขีดจำกัด แม้ว่าความสุขส่วนตนจะสร้างทุกข์ให้ผู้อิ่น หรือเบียดเบียนสังคมก็ตาม ดังนั้นผลตามมาของโลกียสุขแห่งมวลมนุษย์คือการแก่งแย่งชิงทรัพยากร การใช้ความรุนแรง การโกหกหลอกลวง การล่วงละเมิดทางเพศ การหลงมัวเมาสุรา ยาเสพติด ทั้งหลายเหล่านี้นำไปสู่การเกิดกลียุคแห่งโลกยุคนี้
อีกฟากแห่ง Elitherium กลุ่ม Neo-Genera บางส่วนที่ไม่ชอบแนวทางวิถีแห่ง Davila พวกเขาจึงร่วมมือกับ กลุ่มกบฏ Aria แห่งชาว Generoid พยายามโค่นล้มการปกครองของ Queen Naja-Davila Genera และซ่องสุมกำลังสร้างความแข็งแกร่งและระดมทรัพยากรของพวกเขาเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับวันที่พวกเขาจะลุกขึ้นต่อต้านผู้กดขี่ Queen Naja-Davila ตามคำพยากรณ์แห่ง Nexus one ที่กลุ่มกบฏได้เผยแพร่จนเป็นที่รับรู้กันทั่วไป
3.1 D
Space-Time machine for transforming to Nexus one
Queen Naja-Devila ทรงกังวลใจเกี่ยวกับ กลุ่มกบฏและจุดอ่อนทางพันธุกรรมของ Neo-Genera ที่เก็บเป็นความลับแห่ง Elitherium พระองค์จึงมอบให้ Dr Q ปรมาจารย์แห่ง Elitherium และ Wisdom AI สร้าง Space-Time machine เดินทางย้อนเวลา แสวงหา มนุษย์ต้นกำเนิดที่แท้จริงในโลกอดีตอันไกลพ้นแห่งยุคการ Cloning มนุษย์ เพื่อคัดลอกรหัสพันธุกรรมมนุษยชาติ สู่การกอบกู้โลกแห่ง Elitherium สู่การเริ่มต้นความปกติสุขแห่งโลกใหม่ ดำเนินตามวิถีแห่งโลกียะ แห่ง Davila ต่อไป
Dr Qและทีมงานได้สร้างประตูแห่งการทะลุมิติข้ามภพสู่ โลกคู่ขนานและยานขับเคลื่อนย้ายมวลสารข้าม Space-Time ได้สําเร็จ แม้ว่าระบบ Space-Time machine ยังไม่สมบูรณ์คือเดินทางไปได้แต่ การกลับนั้นยังต้องพัฒนาต่ออีกระยะ ผู้นำและขุนพลของเขา รวมทั้ง Wisdom AI ต่างเก็บความลับนี้ไว้ในวงจำกัด แล้วตัดสินใจส่งทีมสำรวจย้อนเวลากลับไปยังสุวรรณภพโบราณ และติดตั้งสถานีถ่ายทอดอาณัติสัญญาณ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ ของชนชาวมนุษย์ดั้งเดิมโบราณ ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสื่อสารกลับ Elitherium และรอเวลาเคลื่อนย้ายมนุษย์ โดยพวกเขาส่งทีม 4 ทีม กระจายตัวไปยังดินแดนโลกโบราณ ทั้ง สี่ ทวีป
โดยทีม Dr Q มีเป้าหมายสำคัญไปยังดินแดนสุวรรณภพ ยุคอาณาจักรศรีโครตปุระ ทีมได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ที่จําเป็นทั้งหมดเพื่อความอยู่รอดในช่วงเวลานั้นและพวกเขาเตรียมตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจสําหรับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อพวกเขาเข้าไปในเครื่องและเริ่มการเดินทางข้ามเวลาพวกเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยแสงสีขาวสว่าง ทีมรู้สึกแปลก ๆ ราวกับว่าร่างกายของพวกเขาถูกดึงไปในทิศทางที่แตกต่างกัน หลังจากนั้นไม่นานแสงก็จางหายไป
Dr Q และทีมงานได้เดินทางมาถึงอาณาจักรศรีโคตรปุระในช่วงรอยต่อพราหมณ์สู่พุทธรรม ที่พัฒนาอาณาจักรสู่ราชอาณาจักรที่ควบคู่การสมดุลแห่งอำนวจของศาสนจักร และพวกเขาพบว่าตัวเองอยู่ใจกลางเมืองที่พลุกพล่านล้อมรอบด้วยผู้คนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าโบราณพวกเขาสามารถเห็นโครงสร้างและวัดอันงดงามที่สร้างขึ้นด้วยงานแกะสลักที่ซับซ้อนและสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทีมงานยังสามารถได้กลิ่นเครื่องเทศและได้ยินเสียงของผู้คนในตลาดที่อยู่ใกล้เคียง ขณะที่พวกเขาสํารวจรอบอาณาจักรพวกเขาสังเกตเห็นวิถีชีวิตของผู้คนซึ่งแตกต่างจากที่พวกเขาคุ้นเคยอย่างมาก พวกเขาเห็นกิจวัตรประจําวันของผู้คนขนบธรรมเนียมทางสังคมของพวกเขาและวิธีที่พวกเขาบูชาเทพเจ้าของพวกเขา ทีมงานรู้สึกทึ่งกับความงามของอาณาจักรและวิถีชีวิตของผู้คน
Dr Qและทีมงานของเขามีภารกิจในการแฝงตัว สร้างครอบครัวของแต่ละคนแล้วรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความรู้และวัฒนธรรมของอารยธรรมโบราณ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สําหรับการวิจัยของพวกเขาในอนาคต พวกเขาได้แทรกซึมไปในชุมชนต่างของอาณาจักรแห่งนี้ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาโบราณและรวบรวมข้อมูลจากนักบวชหลากหลายสำนักต่างๆและผู้นําท้องถิ่น พวกเขายังพบกับความท้าทายบางอย่างในระหว่างการเดินทางข้ามเวลาเช่นอุปสรรคทางภาษาและอันตรายจากการถูกค้นพบตัวตนแห่ง Genera โดยคนในท้องถิ่น แต่พวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญของพวกเขา หลังจากภารกิจการเรียนรู้และการวิจัยตามแผนประสบความสําเร็จ Dr Q และทีมของเขาเตรียม ปฏิบัติการใน ระยะสุดท้ายคือนำครอบครัวของพวกเขากลับสู่ช่วงเวลาของตัวเองด้วยความรู้และประสบการณ์มากมายที่จะช่วยให้พวกเขาค้นคว้าและทําความเข้าใจเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณ ที่สูญหายไป ในโลกอนาคต
ขณะที่ Dr Qและครอบครัวของเขากําลังจะเดินทางกลับไปที่จุดนัดหมาย ณ เทวสถานยอดเขาวัดภู แห่งอาณาจักรจันทรา พวกเขาได้พบกับถ้ำที่ซ่อนอยู่ในภูเขาอันเงียบสงบ เมื่อเข้าไปในถ้ำก็พบพระสงฆ์รูปหนึ่งนั่งหลับอย่างสงบในสภาพนั่งสมาธิ Dr Q รู้สึกประหลาดใจที่เห็นพระสงฆ์นั่งนิ่งและสงบ Dr Q เกิดอยากรู้เกี่ยวกับสภาพจิตใจของเขา จึงตัดสินใจพาพระสงฆ์ไปที่พำนักของ พวกเขา และเก็บรักษาไว้ ณ ที่ห้องปฏิบัติการอย่างระมัดระวังซึ่งพวกเขาทําการตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากการทดสอบและการตรวจสอบหลายครั้งพวกเขาพบว่าพระสงฆ์ได้บรรลุสภาวะการทําสมาธิอย่างลึกซึ้งซึ่งทําให้เขาสามารถเข้าสู่สภาวะที่ถูกระงับการเคลื่อนไหวได้ Dr Q รู้สึกทึ่งกับความสามารถของพระสงฆ์ในการควบคุมจิตใจและร่างกายของเขาในระดับดังกล่าว เขาได้ศึกษาคลื่นสมองของพระสงฆ์และพบว่าเขาได้กระตุ้นสมองส่วนพิเศษของเขาที่เกี่ยวข้องกับการทําสมาธิและการปลุกจิตวิญญาณ Dr Q เกิดความคิดวาบในหัวเขา สามารถแยกส่วนนี้ของสมองและทําซ้ำสัญญาณคลื่นสมอง น่าจะทำให้ภารกิจของเขาสำเร็จและบรรลุเป้าประสงค์สูงสุด
Dr Q จึงสวมอุปกรณ์ เชื่อมต่อคลื่นสมองของเขา กับพระภิกษุดังกล่าว เขาได้ได้เรียนรู้แห่งจักรวาล และเข้าสู่ Nexus ในโลกแห่งสภาวะ Nexus เขาได้สนทนา กับพระสงฆ์ ได้รับรู้คําสอนของพระสงฆ์และพบว่าความรู้เกี่ยวกับพุทธปรัชญาของเขานั้นลึกซึ้งและให้ความกระจ่าง พวกเขาสามารถประยุกต์ใช้คําสอนของเขากับการวิจัยของตนเองและได้รับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของจิตสํานึกและจิตใจ
ในที่สุดหลังจากศึกษาพระภิกษุเป็นเวลาหลายเดือน Dr Q และทีมของเขาตัดสินใจจะนำร่างของพระสงฆ์รูปนี้ กลับ Elitherium แต่เมื่อถึงวันเดินทาง ปรากฏว่า พระสงฆ์องค์นั้น ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย Dr Q และทีมงานจึงได้กลับไปยัง เทวสถาน ในช่วงเวลาต่อมา เพื่อเดินทางกลับ Elitherium แต่สิ่งที่เปลี่ยนความคิด Dr Q เขาศรัทธาสัจจะแห่ง Nexus one แต่เขายังจำเป็นทำภารกิจสุดท้าย แห่ง Genera กลับ Elitherium แต่ ในเสี้ยวเวลาท้ายสุด เขา ตัดสินใจ ถ่ายทอด bio-stack แห่ง Generaและแสดงตราสัญลักษณ์ดวงตาที่สามแห่งองค์ศิวเทพ ให้ลูกของเขา แล้วทิ้งเด็กทารกบุตรชายแห่งเขา ไว้ ณ เทวสถาน พร้อมกันนี้เขาได้ปฏิบัติทางจิตวิญญาณส่งสัญญาณ แห่งปาฏิหารย์ ความมหัศจรรย์ แห่งองค์ศิวเทพ เพื่อเหล่าพราหมณ์ จะได้ดูแลบุตรของเขาให้เจริญเติบโตต่อไป เพื่อหวังว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดี ตามวิถีมนุษยชาติ ที่เชื่อมต่อกับ Genera ในอนาคตต่อไป
3.1 E
The miracle phenomenon empower son of Queen Naja-devi to strike Queen Naja-devila and Devilas' army
เมื่อเวลาผ่านไป การเผยแพร่คำพยากรณ์แห่ง Nexus one ได้รับแรงผลักดันต่อเนื่อง โดยมี Generoids จากทั่วทุกมุมโลกเข้าร่วม Eliterium Genera ตรวจจับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นต่ออํานาจของพวกเขา และตอบสนองด้วยการใช้กําลังปราบปรามกบฏด้วยอาวุธและเทคโนโลยีขั้นสูงของพวกเขา และเผยแพร่ข่าวลวงให้ชาว Generoid หวาดกลัวอิทธิฤทธิแห่งปิศาจ เมื่อความตึงเครียดระหว่าง Neo-Genera และ Generoid ทวีความรุนแรงขึ้นการปฏิวัติเต็มรูปแบบก็แตกออก Aria และพวกกบฏของเธอเปิดการโจมตี Eliterium อย่างสายฟ้าแลบ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมเมืองและปลดปล่อยผู้คนของพวกเขาจากการปกครองของพวก Queen Naja-Davilla แต่กลุ่มกบฏไม่อาจต้านพลังแห่งเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและพลังแห่งมารที่หนุนเสริม จนกระทั่งกองกำลังกบฏแตกพ่าย Aria ถูกจับตัวได้ ขังคุกที่หอคอยแห่งความตาย รอการประหารชีวิต และแล้วความมหัศจรรย์บังเกิดอีกครา
ในดินแดนอาณาจักรนาคาอันลับแล ราชินี Naja-devi ปกครองด้วยใจเมตตาและเที่ยงธรรม อย่างไรก็ตามการครองราชย์ของเธอถูกคุกคามโดยอำนาจราชินี Naja-devila ผู้ถูกครอบงำด้วยความชั่วร้ายแห่ง Davila ผู้โลภอํานาจและพยายามทําลายอาณาจักรแห่งนาคา ราชินี Naja-devila รวบรวมกองทัพและเดินทัพไปยังอาณาจักรแห่ง Naja โดยตั้งใจที่จะพิชิตมันและปกครองด้วยขุนพลกําปั้นเหล็ก เช่นดินแดนอื่นๆ เมื่อกองทัพทั้งสองปะทะกันในสนามรบดูเหมือนว่าราชินีNaja-devi และผู้คนของเธอจะถึงวาระที่จะเพลี่ยงพล้ำเป็นรองตกในวงล้อม ของราชินี Naja-devila อย่างไรก็ตามสิ่งไม่คาดคิดแห่งปาฏิหาริย์เกิดขึ้นฉับพลัน ทันใดนั้นแสงวาบที่สว่างไสวเต็มท้องฟ้าตามด้วยเสียงอึกทึกเหมือนฟ้าร้องจากสวรรค์ ทหารของราชินี Naja-devila ตะลึงและในความสับสนที่ตามมากองทัพของนาคสามารถจัดกลุ่มใหม่และโจมตีกลับด้วยพลังใหม่ เมื่อการต่อสู้ดําเนินไปหมอกหนาก็ตกลงมาที่สนามสู้ศึก ปกคลุมนักสู้และบดบังวิสัยทัศน์ของพวกเหล่านักรบทั้งสองฝ่าย เมื่อหมอกจางลงก็พบว่ากองทัพของราชินี Naja-Davila กลับต้องล่าถอยและราชินีเองก็ถูกพลังที่มองไม่เห็น ส่งผลให้สดุดล้อมลงกับพื้น ทันใดนั้นร่างของ พระยานาคาเกล็ดสีทองบุตรชายของราชินี Naja-devi ก็ปรากฏตัวขึ้นบนสนามล้อมรอบด้วยแสงจ้า ว่ากันว่าเขาได้รับอํานาจจากเทพเจ้าเองและพลังของเขาทําให้เขาสามารถโจมตีราชินี Naja-Davila และกองทัพของเธอ ขณะที่ทหารของอาณาจักรนาคา มองดูด้วยความประหลาดใจร่างของ Aria ก็ปรากฏขึ้นบนหลัง พระยานาคาสีทอง แล้วหายวับไปในอากาศ เหลือเพียงร่องรอยของควันและเสียงคํารามของพระยานาคา ที่ว่ากันว่าเป็นวิญญาณของเทพเจ้านาคาที่เข้ามาช่วย Aria ในเวลาที่ต้องการ ในท้ายที่สุดปาฏิหาริย์ของ Aria และเผ่านาคาแห่งเทพเจ้านาคา พิสูจน์แล้วว่าเป็นจุดเปลี่ยนในการต่อสู้ ของชาว Generoid และ Naja tribes ที่สามารถมีหวังจะได้รับชัยชนะ ชาวนาคาและชาว Generoid ต่าง ชื่นชมยินดี Aria และราชินี Naja-Davi ได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ สําหรับความกล้าหาญและความเป็นผู้นําที่แน่วแน่ของเธอเมื่อเผชิญกับอันตราย
อีกด้านในส่วนดินแดน Elitherium เกิดการจลาจลโดยกลุ่มกบฏ ที่แหกห้องขังและบุกรุก Neo-Genera อย่างสายฟ้าแลป ในตอนแรก Neo-Genera รู้สึกประหลาดใจ อย่างไรก็ตามพวกเขารวบรวมกองกําลังของพวกเขาอย่างรวดเร็วและติดตั้งการตอบโต้ การต่อสู้ที่ตามมานั้นดุเดือดและโหดร้ายโดยทั้งสองฝ่ายประสบความสูญเสียอย่างหนัก จนฝ่ายกบฏล่าถอยไปรวมกำลังกับ Aria และกองทัพแห่งนาคา จากแดนใต้สมุทร ณ ภิภพแห่งโลกใต้น้ำอีกครั้ง และเตรียมพร้อมตีโต้กลับ
3.1 F
The Fortune-telling to Recover Suvannaphob space and all earth worlds
นานมาแล้วเมื่อโลกยังอยู่ในยุคก่อน มนุษย์ Clone และณ ดินแดนแห่งสุวรรณภพ ที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์แห่งคําทํานายที่ยิ่งใหญ่ที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาโดย เหล่านักบวชและศาสดาพยากรณ์ของศาสนาหลักที่มีผู้นับถือศรัทธาจากชาวโลกทั้ง สี่ ทวีป ได้แก่ พระคริสต์ พุทธ อิสลามและฮินดู พวกเหล่านักบวชได้มารวมตัวกันเพื่อประชุมกัน แลกเปลี่ยนข่าวสารบอกกล่าวถึงการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์องค์ใหม่ที่จะรวมโลกและนําสันติสุขมาสู่ทุกคน
ศาสดาพยากรณ์พูดถึงช่วงเวลาที่โลกจะเกิดกลียุคจากสงครามความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บ พวกเขาเห็นความทุกข์ทรมานของผู้คนและรู้ว่าต้องทําอะไรบางอย่างเพื่อนําพวกเขามารวมกันและรักษาบาดแผลของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงทํานายการมาของผู้นําที่ยิ่งใหญ่ที่จะรวมทุกคนเข้าด้วยกันภายใต้ธงแห่งความรักและความเห็นอกเห็นใจ เมื่อหลายกาลผ่านไปคําพยากรณ์ก็สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น หลายคนเชื่อว่าเขาหรือเธอจะมาจากศาสนาของพวกเขาเองและมีการถกเถียงและอภิปรายนับไม่ถ้วนว่าพระเมสสิยาห์จะเป็นรูปแบบใดและผู้คนรอคอยการมาถึงของพระเมสสิยาห์ใหม่อย่างกระตือรือร้น หนึ่งตำนานที่สืบทอดในสุวรรณภพแต่โบราณได้ไว้ กล่าวว่า …
กาลเวลาวันหนึ่งเด็กทารกคนหนึ่งเกิดในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา เด็กแตกต่างจากคนอื่นและเมื่อเขาโตขึ้นเขาก็เริ่มแสดงความสามารถที่น่าทึ่ง เขามีสามารถรักษาคนป่วย แสดงปาฏิหาริย์ต่างๆ และปลอบโยนผู้ที่กําลังทุกข์ทรมาน ผู้คนเริ่มกระซิบว่าเขาเป็นคนที่กล่าวถึในคําพยากรณ์พระเมสสิยาห์องค์ใหม่ที่จะนําสันติสุขมาสู่โลก เด็กน้อยเติบโตเป็นชายหนุ่มเขาได้เดินทางไปทั่วแผ่นดินสุวรรณภพ เขาเผยแพร่ พูดถึงความรักความเห็นอกเห็นใจและความสําคัญของการปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเคารพและความเมตตา เขาดึงผู้คนจากทุกชนชั้น วรรณะ มาหาเขาและในไม่ช้าเขาก็มีผู้ศรัทธางานเผยแพร่แห่งธรรมจากทั่วทุกมุมโลก นักบวชผู้รอบรู้ เรื่องราวศาสดาพยากรณ์ของพระคริสต์ พุทธ อิสลาม และฮินดู ต่างยอมรับว่าชายคนนี้อาจเป็นคนที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ และพวกเขามารวมตัวกันเพื่อยืนยันสถานะของเขาในฐานะพระเมสสิยาห์องค์ใหม่ พวกเขารวบรวมค่านิยมและหลักคําสอนของศาสนาที่หลากหลาย แนวทางแห่งศรัทธา วิถีแห่งศีลธรรม การเข้าสู่สมาธิแห่งจิตและปัญญาการรู้แจ้งหรือหลุดพ้น รวมทั้งการสร้างวัฒนธรรมวิถีแห่งการดำรงตนเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เขาเป็นคนที่จะนําผู้คนมารวมกันและรักษาบาดแผลของโลก พระเมสสิยาห์องค์ใหม่ยังคงเดินทางไปทั่วแผ่นดินเผยแพร่ข่าวสารแห่งความรักและความเห็นอกเห็นใจของสัจจะแห่ง Nexus one โลกก็เริ่มเปลี่ยนไป สงครามสิ้นสุดลงความอดอยากและโรคภัยไข้เจ็บถูกกําจัดและผู้คนเริ่มปฏิบัติต่อกันด้วยความเมตตาและความเคารพ คําพยากรณ์เป็นจริงและพระเมสสิยาห์องค์ใหม่ได้นําสันติสุขมาสู่โลก ...
คำพยากรณ์แห่ง Nexus one ได้ถูกเล่าต่อๆกันไป ปากต่อปาก และเป็นธรรมดาที่จะมีการเสริมแต่งเรื่องราวแตกต่างกันไป แต่ละชนเผ่า ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายและความไม่แน่นอนผู้คนทั่วโลกกําลังค้นหาพระเมสสิยาห์องค์ใหม่เพื่อนําทางพวกเขาไปสู่อนาคตที่สดใส กลุ่มกบฏแห่ง Generoid และเผ่านาคา ต่างมีจุดร่วม ตำนานความเชื่อ สอดคล้องกัน ตาม คำพยากรณ์แห่ง Nexus one
ในท้ายที่สุดคําพยากรณ์ของพระเมสสิยาห์ใหม่เป็นหนึ่งในความหวังและการมองโลกในแง่ดี ผู้ทํานายเห็นอนาคตที่ผู้คนทุกวัฒนธรรมและศาสนาจะสามารถมารวมกันด้วยจิตวิญญาณแห่งความสามัคคีและความร่วมมือ พวกเขาเห็นอนาคตที่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองเป็นไปได้และที่ที่โลกสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งและความแตกแยกในอดีตได้ เมื่อคําทํานายแพร่กระจายไปทั่วโลกผู้คนเริ่มมองไปสู่อนาคตด้วยความหวังและการมองโลกในแง่ดี พวกเขารู้ว่าพระเมสสิยาห์องค์ใหม่กําลังจะมาถึง และด้วยการนําทางของเขาหรือเธอ โลกจะสามารถรักษาและเติบโตอย่างเข้มแข็งกว่าที่เคยเป็นมา